เหตุใดมอเตอร์ท่อขนาด 45 มม. จึงสร้างเสียงรบกวนน้อยกว่ารุ่น 35 มม.

ในแอพพลิเคชั่นเช่นระบบสมาร์ทโฮมอุปกรณ์การแพทย์และสภาพแวดล้อมสำนักงานระดับสูงการลดเสียงรบกวนเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่สำคัญสำหรับมอเตอร์ท่อ แนวโน้มที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมคือการดำเนินงานที่เงียบกว่า มอเตอร์ท่อขนาด 45 มม. เมื่อเทียบกับคู่ 35 มม. ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่หยั่งรากในการออกแบบทางวิศวกรรมที่แม่นยำและวิทยาศาสตร์วัสดุ
1. ข้อดีของโครงสร้าง: เส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้นลดการสั่นสะเทือน
เส้นผ่านศูนย์กลางที่เพิ่มขึ้นของมอเตอร์แบบท่อขนาด 45 มม. แปลโดยตรงไปยังพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้การออกแบบสเตเตอร์และโรเตอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในรุ่น 35 มม. โครงสร้างขนาดกะทัดรัด จำกัด ขนาดของส่วนประกอบแม่เหล็กซึ่งนำไปสู่ความอิ่มตัวของแม่เหล็กที่สูงขึ้นในระหว่างการทำงาน ความอิ่มตัวของแม่เหล็กทำให้การสั่นสะเทือนของฮาร์มอนิกรุนแรงขึ้นซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดหลักของเสียงรบกวนความถี่สูง
ในทางตรงกันข้ามรูปทรงเรขาคณิตที่ขยายตัวของมอเตอร์ 45 มม. ช่วยให้การกระจายของขดลวดที่ดีขึ้นและลดความหนาแน่นฟลักซ์ช่องว่างของอากาศ การปรับปรุงเหล่านี้ช่วยลดการสั่นสะเทือนของแม่เหล็กไฟฟ้าส่งผลให้การหมุนและระดับเสียงรบกวนราบรื่นขึ้นมักจะต่ำกว่ามอเตอร์ 35 มม. 35 มม. ภายใต้โหลดที่เทียบเท่า
2. การเพิ่มประสิทธิภาพวงจรแม่เหล็ก: ความแม่นยำในการกระจายฟลักซ์
การออกแบบวงจรแม่เหล็กเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อเสียงมอเตอร์ มอเตอร์ขนาดเล็ก (เช่น 35 มม.) มักจะเผชิญกับความท้าทายในการบรรลุการกระจายฟลักซ์แม่เหล็กที่สม่ำเสมอเนื่องจากข้อ จำกัด เชิงพื้นที่ ฟลักซ์ที่ไม่สม่ำเสมอทำให้เกิดการสูญเสียในปัจจุบันและแรงบิดระลอกคลื่นทำให้เกิดเสียง "ฮัมเพลง" ที่ได้ยินได้
มอเตอร์ขนาด 45 มม. ใช้การจำลองวงจรแม่เหล็กขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดวางแม่เหล็กถาวรและลามิเนต ตัวอย่างเช่นผู้ผลิตบางรายใช้การกำหนดค่าอาร์เรย์ Halbach เพื่อเน้นการไหลของแม่เหล็กบนช่องว่างอากาศที่ทำงานลดทุ่งหลงทาง การออกแบบที่ได้รับการกลั่นนี้ช่วยลดความผันผวนของแรงบิดที่เกิดขึ้นได้มากถึง 20%ซึ่งเป็นการยับยั้งเสียงรบกวนที่เกิดจากการสั่นสะเทือน
3. การอัพเกรดระบบแบกและส่งสัญญาณ
เสียงรบกวนในมอเตอร์แบบท่อไม่ได้เป็นเพียงแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น แรงเสียดทานเชิงกลและการมีส่วนร่วมของเกียร์ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน มอเตอร์ขนาด 35 มม. มักจะใช้แบริ่งขนาดเล็กและชุดเกียร์ดาวเคราะห์ขนาดกะทัดรัดซึ่งทำงานด้วยความเร็วในการหมุนที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้แรงบิดเท่ากัน ตลับลูกปืนขนาดเล็กมีความสามารถในการรับน้ำหนักต่ำกว่าซึ่งนำไปสู่การสึกหรอที่เร็วขึ้นและเพิ่มเสียงรบกวนแรงเสียดทานเมื่อเวลาผ่านไป
รุ่น 45 มม. ได้รับประโยชน์จากตลับลูกปืนเกรดที่มีขนาดใหญ่กว่า (เช่นคลาส P5 หรือ P4) ด้วยระบบหล่อลื่นขั้นสูง นอกจากนี้กระปุกเกียร์ของพวกเขายังรวมเกียร์แบบเกลียวหรือกลไกไดรฟ์ฮาร์มอนิกซึ่งลดความเครียดจากการสัมผัส 30-40% เมื่อเทียบกับเฟืองเดือยที่พบได้ทั่วไปในมอเตอร์ขนาด 35 มม. ส่งผลให้เกิดการส่งผ่านที่เงียบกว่าและทนทานมากขึ้น
4. การจัดการความร้อนและความสัมพันธ์ทางเสียง
ประสิทธิภาพการกระจายความร้อนส่งผลกระทบต่อเสียงรบกวนของมอเตอร์ทางอ้อม มอเตอร์ขนาดกะทัดรัดขนาด 35 มม. สร้างความร้อนเข้มข้นในระหว่างการทำงานอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการขยายตัวทางความร้อนของส่วนประกอบ การขยายตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงความคลาดเคลื่อนระหว่างชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวเพิ่มแรงเสียดทานและเสียงรบกวน
การออกแบบขนาด 45 มม. รวมการจัดการความร้อนที่เพิ่มขึ้นเช่นตัวเรือนอลูมิเนียมอัลลอยด์กับครีบลดความร้อนและวัสดุปลูกนำไฟฟ้าด้วยความร้อน ด้วยการรักษาอุณหภูมิการทำงานที่มั่นคงมอเตอร์เหล่านี้จะหลีกเลี่ยงการเสียรูปแบบความร้อนและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีความทนทานต่อช่องว่างที่สอดคล้องกันซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการทำงานที่เงียบสงบในระยะยาว
5. ความแม่นยำในการผลิต: จากการควบคุมความอดทนไปจนถึงการเลือกวัสดุ
มอเตอร์ท่อขนาด 45 มม. ระดับสูงมักจะใช้ส่วนประกอบที่ใช้ระบบซีเอ็นซีและกระบวนการประกอบที่มีความแม่นยำสูง ตัวอย่างเช่นความเข้มข้นของโรเตอร์ถูกควบคุมภายใน5μm (เมื่อเทียบกับ 10–15μm ในแบบจำลองประหยัด 35 มม.) ลดแรงเหวี่ยงที่ไม่สมดุล
ตัวเลือกวัสดุก็มีความสำคัญเช่นกัน คอมโพสิตที่มีสัญญาณรบกวนเช่นเกียร์พลาสติกที่ติดตั้งแบบโพลีอะไมด์หรือตัวยึดที่ถูกยึดติดยางจะถูกใช้บ่อยกว่าในมอเตอร์ 45 มม. เพื่อดูดซับการสั่นสะเทือน ในทางตรงกันข้ามรุ่น 35 มม. ที่ขับเคลื่อนด้วยต้นทุนอาจจัดลำดับความสำคัญของพลาสติกแข็งหรือเหล็กมาตรฐานซึ่งส่งสัญญาณเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น